เอชไอวี (HIV : Human Immunodeficiency Virus) คือ ไวรัสชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ เป็นสาเหตุของการเกิดโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่ายมากกว่าปกติ อีกทั้งหากไม่เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วแล้ว จะส่งผลต่อร่างกายทำให้เข้าสู่ระยะรุนแรงที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อว่า ระยะโรคเอดส์ การตรวจ HIV จึงถือเป็นวิธีการที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ เพราะจัดว่าเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ ป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการลุกลามสู่ระยะเอดส์ และสามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตรวจ HIV อยู่ไม่น้อย บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการตรวจHIV
การตรวจ HIV มีกี่วิธี?
ปัจจุบันการตรวจ HIV โดยการวินิจฉัยการติดเชื้อโดยห้องปฏิบัติ มีทั้งหมด 4 วิธี
HIV p24 antigen testing
การตรวจ HIV โดยการตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ HIV จากการวินิจฉัยโปรตีนของเชื้อที่มีชื่อว่า p24 สามารถตรวจพบเชื้อได้ในระยะที่ผู้ติดเชื้อผ่านการติดเชื้อมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์
Anti-HIV testing
การตรวจ HIV โดยการตรวจหาแอนติบอดีจำเพาะของเชื้อ HIV สามารถตรวจพบได้ในระยะที่ผู้ติดเชื้อผ่านการติดเชื้อมาแล้วประมาณ 3-4 สัปดาห์ เป็นวิธีการตรวจ HIV ที่ปัจจุบันนิยมใช้ในการตรวจคัดกรองมากที่สุด
Fourth Generation
การตรวจ HIV โดยการวินิจฉัยจากชุดตรวจแอนติบอดีจำเพาะของเชื้อ HIV และตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ HIV ในคราวเดียวกันด้วยการใช้น้ำยาตรวจชนิดเดียวกัน สามารถตรวจพบได้ในระยะที่ผู้ติดเชื้อรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย 2 สัปดาห์
Nucleic Acid Test (NAT)
การตรวจ HIV โดยการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HIV ที่มีชื่อว่า Nucleic Acid วิธีนี้เป็นการตรวจที่ทราบผลได้เร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจพบได้หลังจากที่ติดเชื้อตั้งแต่ 3-7 วัน
ทำไมต้องตรวจ HIV?
การตรวจ HIV เป็นทางเลือกในการป้องกันที่สำคัญไม่แพ้การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งยังเป็นการเพิ่มการตระหนักถึงการดูแลตนเองและคู่ของคุณร่วมด้วย โดยทั่วไปแล้วผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะไม่แสดงอาการให้เห็นได้ชัดเจน จนในที่สุดอาการก็ลุกลามไปสู่ระยะรุนแรง ทำให้ไม่สามารถรับมือกับอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ดีเท่าที่ควร ด้วยสาเหตุเหล่านี้เองทำให้การตรวจ HIV เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรทำอย่างยิ่งในทุก ๆ ปีเช่นเดียวกับการตรวจสุขภาพประจำปี
ตรวจ HIV มีค่าใช้จ่ายแพงไหม?
ปัจจุบันการตรวจ HIV เป็นเรื่องที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้สิทธิการตรวจ HIV เป็นหนึ่งในสิทธิของประชาชนไทยภายใต้หลักสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเข้ารับการตรวจได้ฟรี 2 ครั้ง/ปี ภายในสถานพยาบาลที่มีสิทธิทั่วประเทศ หรือเลือกเข้ารับการตรวจ HIV ในคลีนิกนิรนาม และคลินิกเฉพาะทางโดยตรง หากต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการเผยข้อมูลส่วนตัว สามารถเลือกได้ตามความสะดวกของแต่ละบุคคลได้เช่นเดียวกัน โดยค่าใช้จ่ายของแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันไป
ใครบ้างควรตรวจ HIV?
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับบุคคลอื่น
- ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยขาดสติ
- ผู้ป่วยวัณโรค
- หญิงตั้งครรภ์
ตรวจ HIV ใช้เวลานานหรือไม่จึงจะทราบผล?
การตรวจ HIV จะขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจที่เลือกใช้ หากเป็นการตรวจโดยสถานพยาบาลทั่วไปด้วยวิธีการตรวจที่นิยมใช้หลัก ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาทราบผลได้เร็วที่สุดใน 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากต้องการระยะเวลาที่แน่นอน แนะนำให้ปรึกษากับสถานพยาบาลนั้น ๆ เพื่อสอบถามโดยตรงจึงจะดีที่สุด
ประโยชน์ของการตรวจ HIV
ป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ HIV |
ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น |
วางแผนป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูก |
สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันทีไม่ต้องรอให้แสดงอาการ |
หากได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีจะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง |
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม
การเข้ารับการตรวจ HIV อย่างสม่ำเสมอเป็นผลดีแก่ตัวเราเองอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะถ้าหากทราบว่าติดเชื้อก็สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ป้องกันการลุกลามสู่ระยะเอดส์รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อได้อย่างคนปกติทั่วไป