• Skip to primary navigation
  • Skip to main content
  • Skip to primary sidebar

ThaiHiv365

Never leave someone behind.

  • หน้าแรก
  • จองคิวตรวจเอชไอวี
  • เอชไอวีและเอดส์
    • การรักษาเอชไอวี
    • การป้องกันเอชไอวี
    • การตรวจเอชไอวี
    • เอดส์ คืออะไร
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
    • โรคหนองในเทียม
    • โรคหนองใน ภัยร้ายใกล้ตัว รู้ก่อนรักษาได้
    • โรคหูดข้าวสุก
    • โรคหูดหงอนไก่
    • โรคเริม
    • แผลริมอ่อน
    • โรคซิฟิลิส
  • เพร็พ PrEP/ เป็ป PEP
    • เพร็พ PrEP
    • เป๊ป PEP
  • บทความ
  • ถาม-ตอบ
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา

Condom

สารพัดประโยชน์ของถุงยางอนามัย

May 31, 2023 by 365team

สารพัดประโยชน์ของถุงยางอนามัย

ในปัจจุบัน ถุงยางอนามัยมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด ถุงยางอนามัยมีให้เลือกใช้ ทั้งแบบสำหรับผู้ชายและแบบสำหรับผู้หญิง แต่ที่นิยมแพร่หลายและนิยมใช้มากในปัจจุบันจะเป็นถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย

ประโยชน์ของถุงยางอนามัย

คุมกำเนิด

ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น หากสวมอย่างถูกวิธี

ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ถุงยางอนามัยช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆได้ เช่น เอชไอวี หนองใน ซิฟิลิส หูดหงอนไก่ เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อได้ง่าย

ลดการบาดเจ็บ

ถุงยางอนามัย มีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย

เพิ่มอรรถรสทางเพศ

ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้

ขั้นตอนการใส่ถุงยางอนามัย

ขั้นตอนการใส่ ถุงยางอนามัย
  • ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
  • แน่ใจก่อนว่าอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้วก่อนที่จะสวมถุงยางอนามัย เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
  • ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่ชำรุด ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
  • เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้มีการหกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อน ดึงออกอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
  • หากมีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ควรทิ้งถุงยางอนามัยอันเก่าแล้วเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรคจะลดลง

สาเหตุที่ทำให้ถุงยางอนามัยแตก

  • เลือกถุงยางอนามัยผิดขนาด
  • แกะบรรจุภัณฑ์ผิดวิธี หรือใช้ของมีคมในการแกะ
  • ถุงยางอนามัยหมดอายุ
  • สวมใส่ถุงยางผิดวิธี
  • เก็บรักษาถุงยางอนามัยที่ไม่เหมาะสม เช่น เก็บในที่ที่โดนแสงแดด
  • ใช้ถุงยางอนามัยแบบไม่มีสารหล่อลื่น

การเลือกขนาดถุงยางอนามัย

การเลือกขนาด ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับแต่ละคน สามารถสังเกตตัวเองได้เมื่ออวัยวะเพศมีการแข็งตัวเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะขยายได้ใหญ่กว่าเดิม 3-5 เท่า การเลือกขนาดถุงยางอนามัย ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ฉีกขาดง่าย หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งขนาดของถุงยางจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยวัดจากเส้นรอบวงองคชาต ไม่ใช่ความยาว การเลือกถุงยางอนามัยจะวัดได้จากรอบวงเป็นมิลลิเมตร ดังนี้

  • ถุงยางอนามัย ขนาด 49 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 11-12 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 4.5 นิ้ว)
  • ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 12-13 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
  • ถุงยางอนามัย ขนาด 54 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 13-14 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5.5 นิ้ว)
  • ถุงยางอนามัยขนาด 56 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 14-15 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 6 นิ้ว)

ขอบคุณข้อมูล : pri.moph, samitivejhospitals

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

  • เอชไอวีป้องกันได้ ด้วยการทาน “PrEP”
  • หนองในแท้ (Gonorrhoea) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้นๆ

ถุงยางอนามัย มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากถึง 98 % หากใช้อย่างถูกวิธี นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้อีกด้วย และที่สำคัญสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยาทั่วไป จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถุงยางอนามัยมีประโยชน์สารพัด ช่วยป้องกันตัวคุณเองและคนรักของคุณ

Filed Under: ถุงยางอนามัย Tagged With: Condom, HIV, คุมกำเนิด, ถุงยาง, ถุงยางอนามัย, เอชไอวี, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย..ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

April 25, 2023 by 365team

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย..ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) คือการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจเกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต และอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิด สามารถป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าการปฏิบัติทางเพศอย่างปลอดภัย คืออะไร เหตุใดจึงสำคัญ และคุณจะป้องกันตัวเองและคู่ของคุณ จากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย คืออะไร?

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อทางเพศ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย (condom) หรือช่องทางการป้องกันอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ที่สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพเพศและป้องกันการแพร่กระจายของโรคต่างๆ

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?

  1. การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
  2. ใช้ถุงยางอนามัย: ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัยใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และใช้อย่างถูกต้อง ถุงยางอนามัยยังสามารถใช้ร่วมกับวิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
  3. เข้ารับการตรวจ: รับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีคู่นอนหลายคนหรือมีส่วนร่วมในพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงสูง คุณสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่สำนักงานของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ คลินิก หรือหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่น
  4. จำกัดคู่นอน: การจำกัดจำนวนคู่นอนที่คุณมีสามารถลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ หากคุณมีคู่นอนหลายคน ให้แน่ใจว่าได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ
  5. หลีกเลี่ยงการใช้เซ็กส์ทอยร่วมกัน: หากคุณใช้เซ็กส์ทอย ต้องแน่ใจว่าได้ทำความสะอาดอย่างทั่วถึงระหว่างการใช้งานและหลีกเลี่ยงการแบ่งปันกับผู้อื่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถแพร่กระจายผ่านของเล่นทางเพศที่ปนเปื้อน
  6. พูดคุยกับคู่ของคุณ: พูดคุยกับคู่ของคุณเกี่ยวกับประวัติสุขภาพทางเพศและสถานะ STI ก่อนที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณทั้งคู่ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติทางเพศอย่างปลอดภัย
  7. ใช้สารหล่อลื่น: สารหล่อลื่นสามารถทำให้การมีเพศสัมพันธ์สะดวกสบายขึ้นและลดความเสี่ยงของการแตกของถุงยางอนามัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบเป็นน้ำหรือซิลิโคน เนื่องจากสารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของน้ำมันอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพได้
  8. พิจารณาการป้องกันโรคก่อนสัมผัส (PrEP): PrEP เป็นยาที่สามารถรับประทานได้ทุกวันเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี แนะนำสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ผู้ที่มีคู่นอนหลายคนหรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  9. การคุมกำเนิด: หากคุณมีเพศสัมพันธ์และไม่ต้องการตั้งครรภ์ ให้ใช้รูปแบบการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ เช่น ถุงยางอนามัย การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน หรืออุปกรณ์ใส่มดลูก (IUD) อย่าลืมหารือเกี่ยวกับทางเลือกของคุณกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย..มีความสำคัญอย่างไร

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมีความสำคัญอย่างไร ?

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย การจำกัดคู่นอน และการตรวจอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมาก

การป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์

ถุงยางอนามัยยังมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย เป็นรูปแบบการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับวิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ

การตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ

การตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำสามารถช่วยปกป้องสุขภาพทางเพศของคุณโดยการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่นๆ และให้การรักษาอย่างทันท่วงที โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง

การปกป้องสุขภาพทางเพศของคู่ของคุณ

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยไม่เพียงแต่ปกป้องสุขภาพทางเพศของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่ของคุณด้วย คุณสามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปยังคู่ของคุณได้โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่

  • ปัสสาวะแสบขัดบ่อยๆลักษณะอาการของ”หนองในเทียม”
  • เอชไอวี : สาเหตุ อาการ การรักษา และการป้องกัน

โดยสรุป การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพทางเพศของคุณและป้องกันการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ รับการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ จำกัดคู่นอนของคุณ และพูดคุยกับคู่ของคุณเกี่ยวกับแนวปฏิบัติทางเพศที่ปลอดภัย

Filed Under: โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Tagged With: Condom, Safe Sex, ถุงยาง, ถุงยางอนามัย, ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัย

February 9, 2022 by thaihiv365 team

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยมีความสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด ในปัจจุบัน มีถุงยางอนามัยให้เลือกใช้ ทั้งแบบสำหรับสตรีและแบบสำหรับบุรุษ 

ถุงยางอนามัยคือ?

ถุงยางอนามัย (Condom) มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง  และเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ สำหรับช่วยป้องกันการคุมกำเนิด และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต และพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่น และรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป

ทำไมจึงต้องใส่ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

เพราะ ถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ อย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อการคุมกำเนิด หรือเพื่อป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หูดหงอนไก่ เชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นต้น  ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัย ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ซึ่งสามารถป้องกันได้มากถึงร้อยละ 98%

ชนิดของถุงยางอนามัย

ชนิดของถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยที่มีการผลิตจำหน่ายมี 3 ชนิด โดยแบ่งตามวัสดุที่ใช้ ได้แก่

ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (Skin condom)

วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นส่วนของลำไส้ส่วนล่างของแกะ ที่เรียกว่า caecum มีความหนา 0.15 มิลลิเมตร มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 62 – 80 มิลลิเมตร สวมใส่ไม่รัดรูปแต่ไม่สามารถยืดตัวได้ ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดีในขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะเชื่อว่าวัสดุจากลำไส้สัตว์ สามารถสื่อผ่านความอบอุ่นของร่างกายสู่กันได้ แต่ในประเทศไทยไม่มีการผลิตจำหน่าย เนื่องจากมีราคาสูง

ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom)

ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติมีราคาถูก มีความบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่าแบบทำจากลำไส้สัตว์ ขนาดความกว้างน้อยจึงน้อยกว่า เวลาสวมใส่ให้ความรู้สึกกระชับรัดแนบเนื้อ และสามารถใช้ได้ทั้ง เพื่อการคุมกำเนิด และป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

ถุงยางชนิดนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างของน้ำยางเสื่อมลง ส่งผลต่อคุณภาพและการป้องกัน แต่ใช้ได้กับสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based lubricant)

ชนิดที่ทำจาก Polyurethane หรือ Polyisoprene (ถุงยางพลาสติก)

ปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาผลิตเป็นถุงยางอนามัยด้วย เช่น สาร Polyurethane ถุงยางชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่ดี เหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาดกว่าแบบที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้  และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 01 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกเสมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย (feels like not wearing anything) แต่ราคาอาจสูงกว่าแบบน้ำยางพารา

ขนาดของถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับแต่ละคน สามารถสังเกตตัวเองได้เมื่ออวัยวะเพศมีการแข็งตัวเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะขยายได้ใหญ่กว่าเดิม 3-5 เท่า การแข็งตัวเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำเป็นลำยาวตลอดองคชาตที่เรียกว่า corpora cavernosa เริ่มเต็มไปด้วยเลือดที่ถูกสูบฉีดมาหล่อเลี้ยง เมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศ

การเลือกขนาดถุงยางอนามัย ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ฉีกขาดง่าย หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ 

โดยขนาดความกว้างตั้งแต่ขนาด 44 มิลลิเมตร จนถึงขนาด 56 มิลลิเมตร และความยาววัดจากปลายเปิดจนถึงปลายปิดไม่รวมส่วนที่เป็นติ่งหรือกระเปาะ ต้องไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร ซึ่งกำหนดตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ปี ค.ศ. 1990

ข้อดี-ข้อเสียของการใช้ถุงยางอนามัย

ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัย

  • หาซื้อง่าย ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์ ถุงยางอนามัย มีแจกจ่ายตามโรงพยาบาลและที่สาธารณะทั่วไปไม่มีผลข้างเคียงในการใช้คุมกำเนิดเหมือนการทานยาคุมกำเนิดของผู้หญิง
  • ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะน้ำอสุจิ เชื้อโรค หรือแบคทีเรียต่าง ๆ ไม่สามารถทะลุผ่าน ถุงยางอนามัย ได้ยกเว้น ถุงยางอนามัย ที่ผลิตมาจากลำไส้ของสัตว์เท่านั้น
  • สามารถมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฝ่ายหญิงมีประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่าฝ่าไฟแดงได้ (แต่ไม่แนะนำ)
  • ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกให้แก่ฝ่ายหญิง
  • ราคาถูกและปลอดภัยกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นการสวมใส่ และใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ถึง 98%
  • มีหลายรูปทรง หลายกลิ่น หลายสี สามารถเพิ่มพูนความสุขระหว่างร่วมรักได้ง่าย

ข้อเสียของการใช้ถุงยางอนามัย

  • อาจเกิดอาการแพ้ คัน และผื่นแดงขึ้น มีอาการแพ้ได้ทั้งชายและหญิงแต่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด สามารถทานยาแก้แพ้หลังจากเสร็จสิ้นการมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ทางที่ดีควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยเป็นชนิดที่ไม่เกิดอาการแก้ดีกว่า อย่างเช่น ถุงยางอนามัย ที่ผลิตมาจากโพลียูรีเทนราคาแพงไปสักนิดแต่ก็ดีกว่ามานั่งทานยาแก้แพ้อยู่เรื่อย ๆ
  • การสวมใส่ ถุงยางอนามัย ผิดวิธีหรือไม่ระวังมีโอกาสทำให้ลื่นหลุด หรือฉีกขาดทำให้การร่วมรักสะดุด ไม่ต่อเนื่อง ดูไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งมือใหม่ใส่ไม่ช่ำชองจะพาลหมดอารมณ์ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
  • เมื่อหลั่งน้ำอสุจิเรียบร้อยแล้ว ต้องรีบถอนออกมาถอด ถุงยางอนามัย ด้วยความระมัดระวัง การปล่อยแช่ทิ้งไว้ที่อวัยวะเพศหญิงอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยหลุดออกคาช่องคลอดได้
ต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย

  • ระยะเวลาในการใช้งาน การใช้ 1 ชิ้นจะต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที เพราะความสมบูรณ์ของตัวถุงยางอนามัยอาจจะเสื่อมสภาพลง และต้องใช้แล้วทิ้งเท่านั้น ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด
  • ระวังสารหล่อลื่น การใช้สารหล่อลื่นบางชนิดอาจมีผลกับตัวถุงยางอนามัย จึงควรหลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่เป็นน้ำมันพืช น้ำมันแร่เป็นตัวละลาย เนื่องจากสารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาจนเกิดความเสียหายต่อถุงยางอนามัยได้
  • ภายหลังการใช้ถุงยางอนามัยไม่ควรสัมผัสถุงยางโดยตรง เพราะอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ที่ด้านนอกแล้ว
  • ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว ควรนำไปเผา หรือทิ้งลงถังขยะในทันที
  • การเก็บรักษาให้พ้นจากความร้อน หรือแสงแดด และไม่ควรเก็บในที่ชื้น เช่น ในช่องเก็บของบนพาหนะเนื่องจากมีความร้อนสูง และไม่ควรเก็บในที่ถูกทับ หรือบีบรัด เช่น กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเงิน เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการชำรุดได้ 
  • ด้วยราคาที่ไม่ได้แพง การป้องกันที่ง่าย และได้ผลดี เราจึงไม่ควรมองข้ามการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตนเอง และต่อผู้อื่น รวมถึงลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะถึงแม้ว่าเชื้อเอชไอวีอาจจะรักษาไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะป้องกันได้

ประโยชน์ของถุงยางอนามัยมีดังนี้

คุมกำเนิด

คือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น เมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่

ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์

นอกเหนือจากการป้องการการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย

ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์

ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย

ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้

ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

ข้อดีของการตรวจ HIV ที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่สนใจ

อาการแบบนี้ ใช่โรคหนองในเทียมหรือเปล่า?

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • แนะการใช้ถุงยางอนามัย4ขั้นตอน “เลือก เก็บ ใช้ ทิ้ง” https://www.thaihealth.or.th/Content/49255-แนะการใช้ถุงยางอนามัย4ขั้นตอน%20“เลือก%20เก็บ%20ใช้%20ทิ้ง”.html
  • ถุงยางอนามัย…กับความปลอดภัยเมื่อมีกิจกรรมรัก https://www.rama.mahidol.ac.th/rama_hospital/th/services/knowledge/08252020-1437
  • ถุงยางอนามัย ป้องกันได้แค่ไหนเมื่อมีเพศสัมพันธ์
    https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/condom_with_sex
  • วิธีใส่ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
    https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/how-to-put-on-a-condom/
  • ข้อดีของการใช้ ถุงยางอนามัย ที่อาจยังไม่รู้ https://new.camri.go.th/infographic/91
  • วิธีใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง https://www.pobpad.com/วิธีใส่ถุงยางอนามัยอย่

Filed Under: ถุงยางอนามัย, เอชไอวี HIV, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Tagged With: Condom, คุมกำเนิด, ถุงยางอนามัย, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Primary Sidebar

Recent Posts

  • PEP ป้องกัน HIV ในกรณีฉุกเฉิน
  • สารพัดประโยชน์ของถุงยางอนามัย
  • เอชไอวีป้องกันได้ ด้วยการทาน “PrEP”
  • หนองในแท้ (Gonorrhoea) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้นๆ
  • ค่า CD4 คืออะไร?

Archives

  • June 2023
  • May 2023
  • April 2023
  • March 2023
  • February 2023
  • January 2023
  • December 2022
  • November 2022
  • October 2022
  • September 2022
  • August 2022
  • July 2022
  • June 2022
  • May 2022
  • April 2022
  • March 2022
  • February 2022
  • January 2022
  • November 2021
  • September 2021
  • April 2021
  • November 2020
  • September 2020
  • May 2020
  • April 2020

Categories

  • PEP
  • PrEP
  • Uncategorized
  • ตรวจเอชไอวี
  • ถุงยางอนามัย
  • ยาต้านไวรัส
  • หนองใน
  • หนองในเทียม
  • หนองในแท้
  • เอชไอวี HIV
  • เอดส์
  • แผลริมอ่อน
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • โรคฝีดาษลิง
  • โรคฝีมะม่วง
  • ไวรัสตับอักเสบบี

Copyright © 2023 · Genesis Sample on Genesis Framework · WordPress · Log in